ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร ปี 1994 เมืองบรู๊กลินกำลังเผชิญกับสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ ถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังดิ้นรนหางานทำ การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีที่กำลังเร่งตัวทำให้หลายบริษัทปลดคนงานออกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เมืองกำลังเดินหน้าไปสู่ยุคดิจิทัล ผู้คนจำนวนมากกลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในบรรยากาศเช่นนี้ Noah Diaz อดีตทหารผู้ผ่านศึกถูกผลักให้กลายเป็นคนว่างงาน เขาเดินไปตามตรอกซอกซอยของบรู๊กลินพร้อมแฟ้มใบสมัครงานนับสิบใบที่เขาส่งไปแทบทุกที่ แต่ไม่มีที่ไหนเรียกเขาไปสัมภาษณ์อย่างจริงจัง ความสามารถเชิงเทคนิคของเขาจากช่วงที่ประจำการในหน่วยสื่อสารของกองทัพกลับไม่มีค่าในสายตาของนายจ้างพลเรือน เพราะพวกเขาเห็นว่าเขาไม่มีประสบการณ์ตรงและอาจมีปัญหาในการปรับตัวกับงานใหม่ ในเวลาเดียวกันน้องชายของเขา Kris ยังต้องเข้ารักษาอาการป่วยเรื้อรังที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายจำนวนมาก ทำให้ Noah เครียดกับทุกสิ่งที่กดทับลงมาจนยากจะหาทางออก
เมื่อความหวังถูกบีบให้แคบลงเรื่อย ๆ Noah พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในหัวเลี้ยวหัวต่อทางศีลธรรม เขาไม่ต้องการทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ภาระในครอบครัวเริ่มหนักหนาเกินไป เขาถูกเพื่อนในละแวกบ้านชักชวนให้ไปร่วมงานผิดกฎหมายครั้งหนึ่ง งานที่รับรองว่ามีเงินทันทีโดยไม่ต้องรอนาน เพียงเข้าไปขโมยรถสปอร์ตสุดหรูจากโชว์รูมระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่งที่แมนฮัตตัน เพื่อนของเขามั่นใจว่าระบบรักษาความปลอดภัยเป็นของเก่าและพวกเขาจะทำงานนี้ได้ง่าย ๆ เสมือนยกของตกพื้นขึ้นมาเก็บ Noah ลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอมให้เหตุผลเรื่องน้องชายชนะความกลัวของตัวเอง เขาตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจด้วยความคิดว่าเพียงครั้งเดียวแล้วจะเลิกทันที
คืนที่พวกเขาออกปฏิบัติการ ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปตามแผน Noah เข้าถึงตัวรถคันที่ถูกหมายตาอย่างง่ายดาย รถคันนั้นเป็น Porsche 911 Turbo ที่สภาพดีเกินคาด และแม้เขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ แต่เขาก็รู้ว่ามูลค่าของมันสูงพอที่จะช่วยครอบครัวของเขาได้หลายเดือน เขาเปิดประตู เปิดระบบ และกำลังจะขับออกมา ทันใดนั้นประตูด้านหลังโชว์รูมกลับสว่างวาบขึ้นด้วยแสงสีฟ้ารุนแรงตามด้วยเสียงคำรามแผดก้องที่ไม่เหมือนเสียงเครื่องจักรใด ๆ ที่มนุษย์รู้จัก แสงสีน้ำเงินเข้มเป็นเส้นพุ่งขึ้นสู่เพดาน พร้อมกับเสียงเรียกขานกึ่งดิจิทัลกึ่งโลหะสะท้อนก้องไปทั่วอาคารนั่นคือสัญญาณเรียกประชุมจาก Optimus Prime ผู้นำแห่งเหล่า Autobots ซึ่งกำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของภัยร้ายที่กลับฟื้นคืนขึ้นมาในระบบเครือข่ายจักรวาลดิจิทัลของพวกเขา Noah ไม่อาจเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สัญชาตญาณสั่งให้เขานิ่งฟังและจับตามองสิ่งที่เกิดขึ้นราวกับความจริงกำลังบิดเบี้ยวต่อหน้า รถ Porsche ที่เขาอยู่ข้างในเริ่มขยับอย่างมีชีวิต เสียงโลหะขยายตัวและกลไกเปลี่ยนรูปร่างดังสนั่นไปทั่วพื้นโชว์รูม Noah หล่นกลายเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ ที่ถูกรถหรูคันนั้นแยกส่วนตัวถัง คดตัว และยืดแข้งขาออกมาเป็นร่างของหุ่นยนต์ขนาดใหญ่ Mirage แห่ง Autobots ผู้เจ้าเล่ห์และเจ้าอารมณ์ผู้มีนิสัยกวนประสาทแต่จงรักภักดีต่อพรรคพวก
การปรากฏตัวของ Mirage ทำให้ Noah ตกใจอย่างหนักจนแทบหนีไม่ทัน แต่ระบบล็อกภายในทำให้เขาอยู่ในจุดที่หลบซ่อนจากภัยภายนอกได้โดยอัตโนมัติ Mirage บอกทางตรงเข้าประชุมของ Optimus Prime ซึ่งขณะนั้นกำลังส่งข้อความถึงเหล่า Autobots คนอื่น ๆ ให้มารวมตัวกัน เพราะมีสัญญาณพลังงานแปลกปลอมเกิดขึ้นในโลกมนุษย์ สัญญาณนี้คล้ายพลังงานโบราณที่ไม่ควรมีอยู่แล้วในจักรวาล มันคือพลังงานของกลไกสังหารระดับ Titan สิ่งมีชีวิตจักรกลโบราณที่สูญหายไปจากบันทึกประวัติศาสตร์ทั้งหมดของ Cybertron Optimus Prime กล่าวถึงการปรากฏของพลังงานดังกล่าวด้วยความหนักใจ เพราะหากมันเป็นสัญญาณของสิ่งที่เขาสงสัยจริง พวกเขาอาจกำลังเผชิญกับอสูรกลปราบจักรวาลที่สามารถกวาดล้างดาวเคราะห์ได้ทั้งใบเพียงภายในไม่กี่ชั่วโมง Titan เหล่านี้เป็นร่างโบราณของจักรกลสงครามที่ถูกสร้างขึ้นในยุคแรกเริ่มของ Cybertron ก่อนจะถูกสั่งปิดผนึกและทำลาย เนื่องจากความดุร้ายที่ควบคุมไม่ได้ ไม่มีฝ่ายใด — ทั้ง Autobot และ Decepticon ต้องการให้มันคืนชีพอีกครั้ง แต่สัญญาณที่พวกเขาตรวจจับได้กำลังบอกเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวที่สุด: มีบางฝ่ายกำลังปลุก Titan ขึ้นมาอีกครั้ง
ในเวลานั้นเอง Noah ที่ยังอยู่ใน Mirage ได้หลุดเผลอเดินตามพลังงานแปลกประหลาดที่แผ่กระจายออกมา เขาเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ และเหตุผลที่เขาเข้ามาในวงจรสงครามนี้ไม่ได้เกิดจากโชคร้ายล้วน ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเชื่อมโยงระหว่างชะตาของมนุษย์และชะตาของจักรวาลโดยที่เจ้าตัวไม่รู้มาก่อน ความสามารถด้านอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงจากช่วงที่เขาเป็นทหาร ทำให้เขามองเห็นรูปแบบสัญญาณที่คล้ายกับระบบควบคุมบางอย่างที่เขาเคยทำงานด้วย แต่ซับซ้อนกว่าเป็นพันเท่า นอกจากนี้สัญญาณบางส่วนยังมีการเข้ารหัสที่เหมือนเรียกหาผู้ใช้ที่สามารถเข้าใจมันได้ Optimus Prime ตระหนักถึงเรื่องนี้เมื่อ Mirage รายงานว่า Noah สามารถถอดแบบรหัสบางส่วนได้แม้เพียงเสี้ยววินาที Prime เห็นว่ามนุษย์คนนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขายับยั้งหรือหยุดยั้ง Titan ที่กำลังคืนชีพ จึงขอให้ Mirage พา Noah ไปยังฐานปฏิบัติการของพวกเขาที่ซ่อนอยู่ในโกดังเก่าแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในเต็มไปด้วยเทคโนโลยี Cybertron ขั้นสูงที่ซ่อนอยู่จากสายตามนุษย์
ที่ฐานนั้น Noah ได้พบกับ Autobots อื่น ๆ รวมถึง Arcee, Wheeljack และ Bumblebee ที่กำลังซ่อมบำรุงร่างตัวเองหลังภารกิจล่าสุด Noah เริ่มเข้าใจว่าสงครามที่ Autobot เผชิญอยู่ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างจักรกลเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบระดับดาวเคราะห์ ที่อาจทำให้โลกของเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่ได้เป็นเพียงผู้รอดชีวิตจากสถานการณ์ผิดที่ผิดทาง แต่เป็นส่วนหนึ่งของปริศนาที่กำลังเปิดเผยตัวเองทีละน้อย ในระหว่างที่ Prime วิเคราะห์ข้อมูลของ Titan ปรากฏว่ามีร่องรอยของพลังงาน Decepticon แทรกซ้อนอยู่ภายใน ซึ่งบ่งบอกว่ามีผู้ใดผู้หนึ่งกำลังใช้เทคโนโลยีอันตรายจากกลุ่มอดีตศัตรูเพื่อฟื้นคืนจักรกลอสูรโบราณ และหลังจากตรวจสอบสัญญาณในชั้นบรรยากาศโลก เขาก็พบว่ามีจุดกำเนิดที่อยู่ใกล้กับรอยต่อพลังงานระดับลึกของโลกมนุษย์ เป็นพื้นที่ที่มนุษย์ยังไม่เคยค้นพบโครงสร้างภายใต้พื้นดินมาก่อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นซากยานโบราณของ Cybertron ที่ถูกฝังไว้ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ของโลก
Noah ได้เข้าร่วมทีมค้นหาด้วยความลังเล แต่เขาเริ่มตระหนักว่าหากเขาถอยห่างออกไปตอนนี้ ชะตากรรมของโลกอาจเปลี่ยนไปอย่างถาวร Mirage คอยเป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยให้กำลังใจและพูดจากวน ๆ เพื่อคลายความกลัวของเขา ทั้งคู่เริ่มสร้างสายสัมพันธ์ที่คล้ายกับดั่งคู่หู ที่แตกต่างกันทั้งสายพันธุ์และพื้นฐานชีวิต แต่สามารถร่วมกันหาทางรอดท่ามกลางภัยใหญ่หลวงนี้ได้ เมื่อพวกเขาไปถึงจุดกำเนิดสัญญาณภายในเทือกเขา Catskill สิ่งที่พบคือซากยานขนาดมหึมาที่เต็มไปด้วยโครงสร้างยักษ์ที่ดูน่าหวาดกลัว ตัวถังและระบบของมันถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมยุคดึกดำบรรพ์ของ Cybertron และที่ศูนย์กลางของมันคือแท่นพลังงานที่กำลังเรืองแสงสีแดงเข้มที่บิดเบี้ยวเหมือนมีชีวิต Optimus Prime ตระหนักว่าแท่นนี้คือส่วนหนึ่งของระบบปลุก Titan ที่เคยถูกทำลายไปนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่ามีใครสามารถซ่อมแซมมันขึ้นมาและเปิดใช้งานได้อีกครั้ง
ขณะทีมกำลังสำรวจ พวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่ม Decepticons ที่หลงเหลือจากสงครามยุคก่อน กลุ่มนี้นำโดยตัวร้ายหน้าใหม่ชื่อ Ragnarok ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในวิศวกรสงครามฝ่าย Decepticon ที่เคยศึกษาเทคโนโลยีของ Titan มานานหลายศตวรรษ Ragnarok เชื่อว่าการฟื้นคืน Titan จะทำให้พวกเขาครองจักรวาลได้อีกครั้ง และตั้งใจใช้โลกเป็นสนามทดลองเพื่อปลุกหนึ่งใน Titan ที่ทรงพลังที่สุด Mecha-Krón อสูรกลยักษ์ที่มีร่างใหญ่ระดับภูเขา และสามารถสร้างคลื่นทำลายล้างที่ลบเมืองทั้งเมืองได้ในเสี้ยววินาที เมื่อ Autobots กับ Decepticons ปะทะกัน Noah พลัดหลงเข้าไปใกล้แท่นปลุก Titan และทำให้ระบบรับรู้ตัวตนของเขา รหัสที่เขาสามารถถอดได้ก่อนหน้านั้นทำให้แท่นระบุว่าเขาเป็น “ผู้ถือคีย์เสริม” ของระบบควบคุม ซึ่งมนุษย์ยุคโบราณบนโลกเคยปรับแต่งไว้เพื่อจำกัดการเข้าถึง Titan Noah ไม่รู้เลยว่าบรรพบุรุษมนุษย์บางกลุ่มเคยรับเทคโนโลยีนี้มาจากกลุ่มชนจักรวาลที่เดินทางมายังโลกเมื่อหมื่นปีก่อน และ Noah กลายเป็นผู้เปิดช่องสัญญาณโดยไม่ตั้งใจ ทำให้พลังงานของ Mecha-Krón เริ่มแผ่กระจายออกจากภายในยาน
ผืนดินสั่นสะเทือน เทือกเขาเริ่มแตกร้าว ร่างโครงเหล็กขนาดมหึมาของ Titan ค่อย ๆ ขยับตัวขึ้นทีละส่วนจากใต้ชั้นหิน Noah มองเห็นเสี้ยวร่างของมันที่ใหญ่เกินจะจินตนาการ โลหะโบราณที่เต็มไปด้วยลวดลายเรืองแสงสีแดงสดเหมือนเส้นเลือดของสัตว์ประหลาดยักษ์ Autobots ทุกตัวตระหนักว่านี่เป็นหายนะในระดับที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน Optimus Prime พยายามปิดระบบด้วยพลังทั้งหมดที่มี แต่พลังงานของ Titan แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้หลายเท่า Mirage พา Noah ออกมาจากเขตอันตราย แต่ระบบยังคงระบุให้ Noah เป็นคีย์ควบคุม ทำให้สัญญาณบางส่วนยังคงติดตามเขาอยู่
เมื่อ Titan ขึ้นมาจากพื้นดิน โลกก็เหมือนจะหยุดหายใจชั่วขณะ ร่างมหึมาของมันสูงกว่าตึกระฟ้าของแมนฮัตตัน มันคืออสูรกลสูงกว่า 800 เมตรที่มีแขนหลายท่อนเหมือนสัตว์ประหลาดในตำนาน ระบบอาวุธของมันเต็มไปด้วยพลังงานความร้อนระดับสูงที่สามารถระเหยวัตถุใด ๆ ให้หายไปได้ Titan เริ่มเคลื่อนตัวไปทางเมืองใหญ่เพื่อดูดกลืนพลังงานจากระบบไฟฟ้าโลก Noah กับ Mirage มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกปนสับสนและสิ้นหวัง เพราะพวกเขาไม่มีพลังพอจะหยุดยั้งมันได้ แต่ Optimus Prime ยังไม่ยอมแพ้ เขาเชื่อว่ายังมีวิธีหนึ่งที่จะหยุด Titan ได้หากสามารถเข้าถึงระบบควบคุมหลักของมัน ซึ่งตอนนี้กำลังเชื่อมโยงกับ Noah โดยไม่รู้ตัว
Prime ตัดสินใจวางแผนที่บ้าระห่ำที่สุด เขาจะให้ Autobots ทั้งหมดช่วยกันดึงความสนใจของ Titan และ Decepticons เอาไว้ ส่วน Noah ต้องเข้าไปในแกนกลางควบคุมของ Titan ผ่าน Mirage ซึ่งสามารถพลางตัวและเปลี่ยนรูปร่างได้หลากหลายกว่าตัวอื่น Noah จะต้องไปถึงแกนกลางนั้นและอัพโหลดรหัสย้อนกลับที่แฮ็กจากระบบลงไปเพื่อปิด Titan จากภายใน แม้เขาจะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรอดหรือไม่ แต่ความคิดถึงน้องชายและความจริงที่ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เขาตัดสินใจยอมเสี่ยงทุกอย่าง
การสู้รบครั้งใหญ่เริ่มขึ้นกลางแมนฮัตตัน Autobots ปะทะกับ Decepticons และ Titan ในระดับที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง Bumblebee กระโดดขึ้นอาคารสูงเพื่อยิงปืนพลาสม่าช่วยเปิดทาง Arcee ไถลลอดใต้ตัว Titan เพื่อโจมตีข้อต่อขา Wheeljack พยายามสร้างระเบิดแม่เหล็กเพื่อหยุดระบบการเคลื่อนที่บางส่วนของ Titan แม้จะได้ผลเพียงไม่กี่วินาที ในขณะที่ Optimus Prime เผชิญหน้ากับ Ragnarok โดยตรงกลางย่านการค้า ทั้งคู่เข้าปะทะกันด้วยอาวุธและกำลังเต็มเหนี่ยวอย่างดุเดือด
ในช่วงท้ายที่สุด Ragnarok ซึ่งหนีรอดจากการสู้กับ Optimus Prime ได้เข้ามาในแกนกลางเพื่อขัดขวาง Noah ด้วยความเชื่อว่ามนุษย์ไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องเทคโนโลยีระดับจักรวาลเช่นนี้ แต่ Mirage ยืนหยัดต่อสู้กับเขา แม้จะรู้ว่าตัวเองอาจถูกทำลายในกระบวนการนี้ Noah ยังคงฝืนอัพโหลดรหัสต่อไป มือของเขาสั่นระริกเพราะพลังงานที่ไหลย้อนกลับเข้าร่าง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เพราะรู้ว่ามีทั้งโลกอยู่เบื้องหลัง เมื่ออัพโหลดถึง 100% ระบบของ Titan ก็เริ่มสั่นสะท้าน ร่างมหึมาของมันหยุดนิ่งกลางท้องฟ้า ก่อนจะเริ่มสลายตัวลงเป็นเส้นแสงจำนวนมหาศาล Titan ปิดตัวลงอย่างสมบูรณ์และพังทลายเป็นเศษซากโลหะยักษ์ที่ร่วงลงสู่พื้น Noah เกือบล้มหมดแรงแต่ Mirage รีบพาร่างของเขาออกมาก่อนที่โครงสร้างภายในจะยุบตัว
เมื่อทุกอย่างสงบลง Autobots ที่เหลือรอดกลับมารวมตัวกับ Noah ที่ยืนมองซาก Titan ตกลงในแม่น้ำฮัดสัน เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นเพียงผู้ลักลอบขโมยรถอีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้ที่ช่วยโลกจากหายนะที่มนุษยชาติไม่เคยรู้มาก่อน Optimus Prime ขอบคุณ Noah ในฐานะมิตรสหายแห่ง Autobot และเขารู้ว่า Noah จะเป็นส่วนหนึ่งในสงครามครั้งใหญ่ของจักรวาลที่กำลังจะตามมาในอนาคต สุดท้าย Noah กลับไปหาน้องชายของเขาพร้อมเงินทุนจากโครงการลับที่รัฐบาลสหรัฐฯ มอบให้เป็นค่าตอบแทนลับ ๆ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เขาตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยไม่หลบเลี่ยงความจริงอีกต่อไป ในขณะที่ Autobots เตรียมพร้อมสำหรับศัตรูรายใหม่ที่กำลังจะมาถึง เพราะ Titan ที่พวกเขาหยุดไปอาจเป็นเพียงหนึ่งในหลายร้อยตัวที่หลับใหลอยู่ตามดาวต่าง ๆ ในจักรวาล
รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร
สไตล์หนังเรื่อง ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร เรื่องนี้จะเป็นแนวไซไฟแอ็กชันเข้มข้นแบบสเกลใหญ่ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ยังคงความสนุกแบบ Transformers ด้วยฉากการต่อสู้อลังการ การเปลี่ยนร่างเท่ ๆ และโทนอารมณ์แบบภาพยนตร์ยุค 90 ผสมเข้ากับเทคโนโลยีล้ำยุค เสริมด้วยบรรยากาศทริลเลอร์แนวล่าสัตว์ประหลาดไซเบอร์เนติก และจบด้วยการเปิดทางสู่เรื่องราวในจักรวาลขยายของแฟรนไชส์ Transformers ในภาคต่อไปอย่างทรงพลัง
สรุปรีวิวหนัง ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร
ทรานฟอร์เมอร์ กำเนิดจักรกลอสูร ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคแยกแนวไซไฟแอ็กชันที่พาเราย้อนกลับสู่ปี 1994 เพื่อติดตาม Noah Diaz อดีตทหารหนุ่มที่ต้องดิ้นรนเพื่อครอบครัว ก่อนจะถูกดึงเข้าสู่สงครามระดับจักรวาลโดยบังเอิญ เมื่อเขาพยายามขโมยรถสปอร์ตหรู แต่กลับพบว่ารถคันนั้นคือ Mirage หุ่นยนต์ Autobot จอมกวนที่นำเขาไปสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่กับเหล่า Decepticons และการฟื้นคืนของ Titan อสูรกลไซส์ภูเขาที่มีพลังทำลายล้างโลกได้ในพริบตา หนังเต็มไปด้วยฉากแอ็กชันสุดมันส์ การออกแบบหุ่นยนต์ที่ทรงพลัง และคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะคู่หู Noah–Mirage ที่สร้างความผูกพันและอารมณ์มากกว่าที่คาดไว้ พลอตมีโทนเข้มและขยายจักรวาล Transformers ให้กว้างขึ้นด้วยการเปิดตัว Titan อสูรโบราณระดับจักรวาล ทำให้หนังมีความยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ





